Trade Policy Instrument : Cartel
เครื่องมือของนโยบายทางการค้า: การรวมกลุ่มเพื่อผูกขาดทางธุรกิจ
ข้อตกลงระหว่างนักธุรกิจอิสระหรือระหว่างประเทศเพื่อขจัดการแข่งขัน ข้อตกลงการรวมกลุ่มเพื่อผูกขาดทางธุรกิจจะอิงข้อตกลงทางสัญญาเกี่ยวกับราคาการผลิตและส่วนแบ่งของตลาด ศัพท์”คาร์เทล” นี้มีกำเนิดที่ประเทศเยอรมนีในระหว่างทศวรรษปี 1870 (มาจากภาษาละตินว่า charta หมายถึง ข้อตกลง) การรวมกลุ่มเพื่อผูกขาดทางธุรกิจส่วนใหญ่แล้วจะนำมาใช้ในอุตสาหกรรมการผลิต ของเหมือนกันและมีจำนวนมากๆโดยได้รับการคุ้มครองจากสิทธิบัตรและมีความแตกต่างกันทางด้านคุณภาพน้อย รวมทั้งใช้กับการผลิตในด้านพลังงานต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านน้ำมันและแก๊ส สำหรับตลาดเพื่อสินค้าประเภทโภคภัณฑ์ขั้นพื้นฐานส่วนใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลิตภัณฑ์ทางด้านการเกษตรจะมีการแข่งขันสูงมาก จึงไม่เอื้ออำนวยให้มีการดำเนินการรวมกลุ่มเพื่อผูกขาดทางธุรกิจแบบนี้ได้ ก็จึงส่งผลให้ราคาสินค้าประเภทโภคภัณฑ์ตกลงมากเมื่อเทียบกับราคาผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปจากโรงงานอุตสาหกรรม
ความสำคัญ การค้ากว่ากึ่งหนึ่งของโลกในระหว่างที่เกิดภาวะตกต่ำทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของโลกเมื่อทศวรรษปี 1930 เป็นการค้าที่มีการควบคุมโดยการรวมกลุ่มเพื่อผูกขาดทางธุรกิจนี้ทั้งนั้น อย่างไรก็ดี การรวมกลุ่มเพื่อผูกขาดตลาดนี้ได้หมดไปนับตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองยุติลงเป็นต้นมา เนื่องจากได้มีพระราชบัญญัติต่อต้านการผูกขาดในประเทศอังกฤษ และมีการปฏิบัติการร่วมกันต่อต้านการรวมกลุ่มเพื่อผูกขาดทางธุรกิจโดยหมู่สมาชิกของประชาคมยุโรป แม้ว่าประเทศเยอรมนีจะเคยเป็นศูนย์กลางของกิจกรรมการรวมกลุ่มเพื่อผูกขาดทางธุรกิจ แต่ปัจจุบันญี่ปุ่นได้กลายเป็นชาติที่ดำเนินกิจกรรมทางด้านนี้อย่างเข้มแข็งมากที่สุดในหมู่ประเทศอุตสาหกรรมด้วยกัน ในสหรัฐอเมริกาการรวมกลุ่มเพื่อผูกขาดทางธุรกิจถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายนับตั้งแต่ที่ได้มีการผ่านรัฐบัญญัติ ”เชอร์แมน แอนไททรัสต์ แอ็คท์”ปี ค.ศ. 1890 เป็นต้นมา แต่ภายใต้รัฐบัญญัติ”เวบบ์-โพเมอรีน แอ็คท์” ปี ค.ศ. 1918 การรวมกลุ่มทางธุรกิจเพื่อแข่งขันกับการรวมกลุ่มเพื่อผูกขาดทางธุรกิจของต่างประเทศ สามารถกระทำได้โดยไม่ขัดกับบทบัญญัติต่อต้านทรัสต์ปี ค.ศ. 1890 แต่อย่างใด องค์การประเทศผู้ส่งออกปิโตรเลียม(โอเปก) ซึ่งเป็นการร่วมกลุ่มเพื่อผูกขาดทางธุรกิจที่มีประสิทธิผลมากที่สุดนั้น ได้รับการจัดตั้งขึ้นมาเมื่อ ค.ศ. 1961
ข้อตกลงระหว่างนักธุรกิจอิสระหรือระหว่างประเทศเพื่อขจัดการแข่งขัน ข้อตกลงการรวมกลุ่มเพื่อผูกขาดทางธุรกิจจะอิงข้อตกลงทางสัญญาเกี่ยวกับราคาการผลิตและส่วนแบ่งของตลาด ศัพท์”คาร์เทล” นี้มีกำเนิดที่ประเทศเยอรมนีในระหว่างทศวรรษปี 1870 (มาจากภาษาละตินว่า charta หมายถึง ข้อตกลง) การรวมกลุ่มเพื่อผูกขาดทางธุรกิจส่วนใหญ่แล้วจะนำมาใช้ในอุตสาหกรรมการผลิต ของเหมือนกันและมีจำนวนมากๆโดยได้รับการคุ้มครองจากสิทธิบัตรและมีความแตกต่างกันทางด้านคุณภาพน้อย รวมทั้งใช้กับการผลิตในด้านพลังงานต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านน้ำมันและแก๊ส สำหรับตลาดเพื่อสินค้าประเภทโภคภัณฑ์ขั้นพื้นฐานส่วนใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลิตภัณฑ์ทางด้านการเกษตรจะมีการแข่งขันสูงมาก จึงไม่เอื้ออำนวยให้มีการดำเนินการรวมกลุ่มเพื่อผูกขาดทางธุรกิจแบบนี้ได้ ก็จึงส่งผลให้ราคาสินค้าประเภทโภคภัณฑ์ตกลงมากเมื่อเทียบกับราคาผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปจากโรงงานอุตสาหกรรม
ความสำคัญ การค้ากว่ากึ่งหนึ่งของโลกในระหว่างที่เกิดภาวะตกต่ำทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของโลกเมื่อทศวรรษปี 1930 เป็นการค้าที่มีการควบคุมโดยการรวมกลุ่มเพื่อผูกขาดทางธุรกิจนี้ทั้งนั้น อย่างไรก็ดี การรวมกลุ่มเพื่อผูกขาดตลาดนี้ได้หมดไปนับตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองยุติลงเป็นต้นมา เนื่องจากได้มีพระราชบัญญัติต่อต้านการผูกขาดในประเทศอังกฤษ และมีการปฏิบัติการร่วมกันต่อต้านการรวมกลุ่มเพื่อผูกขาดทางธุรกิจโดยหมู่สมาชิกของประชาคมยุโรป แม้ว่าประเทศเยอรมนีจะเคยเป็นศูนย์กลางของกิจกรรมการรวมกลุ่มเพื่อผูกขาดทางธุรกิจ แต่ปัจจุบันญี่ปุ่นได้กลายเป็นชาติที่ดำเนินกิจกรรมทางด้านนี้อย่างเข้มแข็งมากที่สุดในหมู่ประเทศอุตสาหกรรมด้วยกัน ในสหรัฐอเมริกาการรวมกลุ่มเพื่อผูกขาดทางธุรกิจถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายนับตั้งแต่ที่ได้มีการผ่านรัฐบัญญัติ ”เชอร์แมน แอนไททรัสต์ แอ็คท์”ปี ค.ศ. 1890 เป็นต้นมา แต่ภายใต้รัฐบัญญัติ”เวบบ์-โพเมอรีน แอ็คท์” ปี ค.ศ. 1918 การรวมกลุ่มทางธุรกิจเพื่อแข่งขันกับการรวมกลุ่มเพื่อผูกขาดทางธุรกิจของต่างประเทศ สามารถกระทำได้โดยไม่ขัดกับบทบัญญัติต่อต้านทรัสต์ปี ค.ศ. 1890 แต่อย่างใด องค์การประเทศผู้ส่งออกปิโตรเลียม(โอเปก) ซึ่งเป็นการร่วมกลุ่มเพื่อผูกขาดทางธุรกิจที่มีประสิทธิผลมากที่สุดนั้น ได้รับการจัดตั้งขึ้นมาเมื่อ ค.ศ. 1961
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น